วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ธีการซักเสื้อผ้าที่มีประสิทธิภาพ

 
ก่อนซักผ้าต้องคิดถึงเป้าหมายที่ดีของการซักผ้าก็คือ   เสื้อผ้าที่สะอาดและจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบจากนั้นก็คิดถึงขั้นตอนการซักที่เรียงลำดับอย่างถูกต้อง   แล้วจึงลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้

1.ขั้นการเตรียม

- รวบรวมเสื้อผ้าที่จะต้องซัก
   - สำรวจสิ่งของที่อาจตกค้างอยู่ในเสื้
อผ้า โดยเฉพาะในกระเป๋าต่างๆแล้วเก็บออกให้หมด   เพราะสิ่งของเหล่านั้นอาจเสียหายระหว่างการซักหรือทำให้เกิดอันตรายกับผู้ซัก   ถ้าหากสิ่งนั้นเป็นของมีคม เช่น เข็มกลัดเป็นต้น
   - สำรวจรอยเปื้อนและการชำรุดของเสื้อผ้าก่อนนำไปซัก
   - แยกสีของเสื้อผ้าออกเป็นผ้าขาว ผ้าสีอ่อนและผ้าสีเข้ม   เสื้อผ้าที่สีตกควรแยกออกไว้ซักต่างหาก รวมทั้งแยกประเภทของเสื้อผ้า เช่น เสื้อ   กางเกง กระโปรง ผ้าเช็ดหน้า ถุงเท้า เสื้อผ้าชั้นใน เป็นต้น
   - เตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดรอยเปื้อนหรือซ่อมแซมเสื้อผ้า
   - นำภาชนะมาใส่เสื้อผ้าที่แยกแล้วให้เหมาะสมและสามารถขนย้ายไปยังที่ซักได้สะดวก
   - เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการซัก เช่น   กะละมังหรือถังน้ำ ผงซักฟอก แปรงสำหรับซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม คราม   ไม้แขวนเสื้อ ไม้หนีบ เป็นต้น โดยเตรียมให้ประหยัดเวลาและใช้แรงงานน้อยที่สุด

2. ขั้นลงมือซักผ้า

- รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 1 ให้มีปริมาณเหมาะสมกับปริมาณผ้าทั้งหมดที่จะซัก
   - นำเสื้อผ้ามาซักด้วยน้ำสะอาดในกะละมังใบที่ 1 เพื่อให้คราบสกปรกหลุดออกไปก่อน   โดยเริ่มซักจากผ้าขาว ในขณะเดียวกันก็รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 2 สำหรับผสมกับผงซักฟอก
   - ผสมผงซักฟอกลงในกะละมังใบที่ 2 ให้มีความเข้มข้นพอเหมาะกับปริมาณผ้าที่จะซัก
   - เมื่อละลายผงซักฟอกในน้ำหมดแล้ว   ให้นำผ้าขาวลงแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที
   - ซักผ้าขาวที่แช่ไว้   ถ้าเป็นเสื้อให้ขยี้หรือแปรงเบาๆ บริเวณปกเสื้อ แขนเสื้อ คอเสื้อ กระเป๋าเสื้อ   และชายเสื้อ เป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีความสกปรกมากกว่าส่วนอื่น   ส่วนกระโปรงหรือกางเกงก็จะเป็นบริเวณขอบเอว ขอบขา ชายกระโปรง และปากกระเป๋า
   - ในขณะที่กำลังซักผ้า ให้รองน้ำใส่กะละมังใบที่1 เตรียมไว้สำหรับนำผ้าที่ซักแล้วมาซักในน้ำสะอาด
   - เมื่อซักผ้าขาวเสร็จแล้วจึงซักผ้าสี   โดยเริ่มจากผ้าสีอ่อน และซักเสื้อ กระโปรง กางเกง ถุงเท้า   หรือเสื้อผ้าที่สกปรกมาก เรียงตามลำดับ
   - เมื่อซักผ้าในน้ำผงซักฟอกเสร็จหมดแล้ว   ให้เทน้ำที่เหลือทิ้ง แล้วล้างกะละมังให้สะอาด
   - รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 2 ที่ล้างสะอาดแล้ว   พร้อมกับซักผ้าด้วยน้ำสะอาดครั้งที่ 1 ในกะละมังใบที่ 1 โดยซักผ้าขาวก่อน   ในขณะซักให้กลับตะเข็บเสื้อผ้าด้วย
   - เมื่อซักในน้ำครั้งที่ 1 เสร็จ   เทน้ำมนกะละมังออก ล้างกะละมังให้สะอาด แล้วรองน้ำใส่ไว้สำหรับซักผ้าครั้งที่ 3
   - ในขณะที่รองน้ำใส่กะละมังใบที่ 1 ให้ซักผ้าในน้ำสะอาดครั้งที่   2 จากกะละมังใบที่   2
   - นำภาชนะที่ใส่ผ้าที่ยังไม่ได้ซักในตอนแรกมาล้างให้สะอาด   โดยใช้น้ำที่เก็บไว้ในกะละมังใบที่ 2 ก็ได้
   - ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม ลงในน้ำกะละมังใบที่ 1 แล้วนำผ้าลงไปแช่   เสร็จแล้วก็ใส่ลงในภาชนะที่ล้างไว้ โดยแยกผ้าขาว ผ้าสีออกจากกัน   นำผ้าทั้งหมดไปยังราวตากผ้า
   - บีบผ้าให้หมาด แต่ไม่ควรใช้การบิดเพราะจะทำให้ผ้ายับมากและเสียรูปทรง   เมื่อบีบน้ำออกแล้ว ให้คลี่ผ้าออกดึงให้เข้ารูป   แล้วใส่ไม้แขวนเสื้อหรือตากกับราว   สำหรับผ้าขาวถ้าเป็นใยสังเคราะห์ไม่ควรตากกลางแดดเพราะจะทำให้ผ้าเหลือง   แต่ถ้าเป็นผ้าฝ้ายสมารถตากกลางแดดได้ ส่วนผ้าสีควรตากในร่ม เพราะการตากแดดจะทำให้สีซีดและเก่าเร็ว

3. การจัดเก็บ

- เมื่อผ้าแห้งแล้วควรเก็บให้เรียบร้อย   ผ้าที่ต้องรีดก็นำไปแขวนรวมกันไว้ ไม่ควรพับเพราะจะทำให้รีดยาก   ส่วนผ้าที่ไม่ต้องรีดก็ควรพับให้เรียบร้อย โดยแยกเสื้อ กระโปรง กางเกง   เสื้อผ้าชั้นในหรือถุงเท้า เพื่อให้เป็นระเบียบในการจัดเก็บ และหยิบใช้ได้สะดวก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น